สำหรับเจ้าของกิจการ SME ที่ขายของให้ลูกค้านิติบุคคล ภาพที่เจอบ่อยมากคือ
ยอดสั่งซื้อใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
เครดิตเทอมที่ลูกค้าขอ ยาวจาก 30 วัน → 60 วัน → 90 วัน
ยอดขายรวมดูดี ตัวเลขบนงบการเงินสวย
แต่ในชีวิตจริงกลับต้องมานั่งเครียดว่า
เงินซื้อวัตถุดิบล็อตใหม่จะเอาจากไหน
เงินเดือนพนักงานรอบนี้จะพอไหม
ค่าเช่าโกดัง ค่าเช่าร้าน ภาษี ค่าขนส่ง จ่ายครบหรือเปล่า
มีออเดอร์ใหม่เข้ามา แต่ “ไม่มีเงินหมุน” จะรับงานเพิ่มก็กังวล
ผลก็คือธุรกิจตกอยู่ในสภาวะ
“ขายดี แต่วิ่งตามเงินสดที่ต้องจ่ายออกไปไม่ทัน”
เงินส่วนใหญ่ไปค้างอยู่ใน ใบแจ้งหนี้ / ลูกหนี้การค้า ที่ต้องรอ 30–90 วันกว่าจะเก็บเงินได้ครบ ระหว่างนั้นเจ้าของกิจการหลายคนต้อง
เอาเงินส่วนตัวมาหมุน
ใช้สินเชื่อระยะสั้นหรือวงเงิน OD แทน ระยะยาวดอกเบี้ยเริ่มบาน
หรือพลาดโอกาสรับงานใหม่ เพราะกลัวรับแล้วหมุนเงินไม่ทัน
สุดท้ายเลยเกิดคำถามสำคัญว่า
“มีใบแจ้งหนี้รอเรียกเก็บเงินเข้ากิจการเต็มมือ แต่เงินไม่พอหมุนให้กับต้นทุนของกิจการ”
หนึ่งในเครื่องมือที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในกลุ่ม SME คือ “สินเชื่อแฟคตอริ่ง” (Factoring)
ซึ่งไม่ได้เป็นการกู้เงินเพิ่มจากศูนย์ แต่เป็นการเอา ลูกหนี้การค้า / ใบแจ้งหนี้ที่มีอยู่แล้ว
ไปเปลี่ยนให้กลายเป็นเงินสดเร็วกว่าการรอลูกค้าจ่ายตามเครดิตเทอมปกติ
บทความนี้จะพาไปดูแบบเน้นคนทำธุรกิจเข้าใจง่ายว่า
ถ้าอยากต่อยอดไปดูเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น แนะนำให้อ่านคู่กับบทความ
เปรียบเทียบ แฟคตอริ่ง vs วงเงินเบิกเกินบัญชี vs สินเชื่อระยะสั้น (factoring-vs-od-vs-short-term-loan)
และเรื่อง เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร ต่างจากกำไรอย่างไร (working-capital-explained)
จะเห็นภาพการจัดการเงินทุนหมุนเวียนทั้งระบบชัดขึ้นครับ
สำหรับธุรกิจที่ขายให้ลูกค้านิติบุคคล ภาพที่เกิดขึ้นบ่อยมากคือ
คุณส่งมอบสินค้า/บริการให้ลูกค้าเรียบร้อย
ออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) เครดิตเทอม 30–60–90 วัน
ลูกค้าบางรายจ่ายตามเวลา บางรายเริ่มเลท บางรายเลทยาว
ระหว่างนั้น คุณยังต้อง
ซื้อของเข้าเพิ่ม
จ่ายค่าแรง
จ่ายค่าเช่า/ค่าสาธารณูปโภค
รับงานใหม่ต่อเนื่อง
ผลคือเกิดสภาวะที่เรียกว่า
“ยอดขายดี แต่เงินสดขาดมือ”
เพราะเงินไปค้างอยู่ใน
ลูกหนี้การค้า (ยอดในใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ได้รับเงิน)
สินค้าคงคลัง (ของที่ซื้อมาแล้วแต่ยังขาย/เก็บเงินไม่ครบ)
ยิ่งเครดิตเทอมยาวเท่าไหร่ และยอดลูกหนี้การค้าสะสมมากเท่าไหร่
เงินทุนหมุนเวียน ที่จะใช้จ่ายในแต่ละวันก็ยิ่งตึงตัวขึ้นเท่านั้น
หลายกิจการเลยเริ่มมองหา “เงินทุนหมุนเวียนจากลูกหนี้”
แทนที่จะไปกู้แบบอื่นเพิ่มหนี้ใหม่
ตรงนี้เองที่ แฟคตอริ่ง เข้ามามีบทบาท
ลองสรุปแบบสั้นที่สุดก่อนว่า
แฟคตอริ่ง (Factoring) คือการ “ขายหนี้การค้า” หรือ “โอนสิทธิรับเงิน”
จากใบแจ้งหนี้ที่คุณมี ให้กับบริษัทแฟคตอริ่งหรือสถาบันการเงิน
แล้วเขาจ่ายเงินให้คุณมาก่อน
พูดง่าย ๆ คือ
ปกติคุณต้องรอลูกค้าจ่าย 60 วัน
แต่ถ้าส่งใบแจ้งหนี้ให้บริษัทแฟคตอริ่ง
คุณอาจได้เงินเช่น 70–90% ของยอดบิลมาก่อนภายในไม่กี่วัน
เมื่อถึงกำหนด ลูกค้าจ่ายเงินให้บริษัทแฟคตอริ่ง
ส่วนที่เหลือ (หักค่าธรรมเนียม/ดอกเบี้ย) จะถูกโอนคืนให้คุณ
คุณขายของ/ให้บริการ → ออกใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้า (เครดิตเทอม 60 วัน)
คุณนำใบแจ้งหนี้นั้นไปยื่นกับผู้ให้บริการ สินเชื่อแฟคตอริ่ง
บริษัทแฟคตอริ่งวิเคราะห์
ลูกค้าของคุณคือใคร (บริษัทใหญ่? รัฐวิสาหกิจ? ลูกค้านิติบุคคลทั่วไป?)
มีประวัติชำระดีไหม
ถ้าอนุมัติ → เขาโอนเงินให้คุณก่อน เช่น 80% ของยอดบิล
ถึงกำหนดจ่าย → ลูกค้าชำระเงินให้บริษัทแฟคตอริ่ง
บริษัทแฟคตอริ่งหัก
เงินที่สำรองให้คุณก่อน
ค่าธรรมเนียม–ดอกเบี้ย
แล้วโอนส่วนที่เหลือกลับให้คุณ
ผลลัพธ์คือ
คุณเปลี่ยน “ยอดลูกหนี้การค้า” ให้กลายเป็น “เงินสด” ได้เร็วขึ้น
โดยไม่ต้องไปเพิ่มหนี้ใหม่ที่ไม่ได้ผูกกับยอดขายจริง
ในภาพรวม แฟคตอริ่งมีหลายแบบ แต่สำหรับ SME ให้โฟกัสกรอบใหญ่ ๆ สองกลุ่มนี้ก่อน
เวลาใช้คำว่า “ความเสี่ยง” ที่นี่ หมายถึงความเสี่ยงที่ “ลูกค้าคุณไม่จ่ายเงิน”
แฟคตอริ่งแบบมีสิทธิไล่เบี้ย (Recourse)
ถ้าลูกค้าคุณไม่จ่าย บริษัทแฟคตอริ่งมีสิทธิเรียกเงินคืนจากคุณ
ความเสี่ยงเครดิตของลูกค้าสุดท้ายยังอยู่ที่คุณเป็นหลัก
ค่าธรรมเนียมมักต่ำกว่าแบบไม่รับความเสี่ยง
แฟคตอริ่งแบบไม่มีสิทธิไล่เบี้ย (Non-Recourse)
บริษัทแฟคตอริ่งรับความเสี่ยงส่วนใหญ่ในกรณีลูกค้าล้มละลาย/ไม่จ่าย
ค่าธรรมเนียมจึงสูงกว่า เพราะเขาแบกรับความเสี่ยงแทนคุณมากขึ้น
สำหรับ SME ส่วนใหญ่ ในทางปฏิบัติมักเจอ แบบ Recourse มากกว่า
เพราะมีความยืดหยุ่นและค่าบริการเหมาะสมกว่า
แบบแจ้งลูกค้า (Disclosed Factoring)
ลูกค้าของคุณจะรับรู้ว่าคุณใช้บริการแฟคตอริ่ง
และต้องชำระเงินเข้าบริษัทแฟคตอริ่งโดยตรง
แบบไม่แจ้งลูกค้า (Undisclosed Factoring)
ลูกค้ายังคงจ่ายเงินเข้าบัญชีคุณ
แต่คุณมีสัญญาภายในกับบริษัทแฟคตอริ่งเรื่องการโอนเงิน/หักชำระ
ในมุม SME การ “แจ้งหรือไม่แจ้ง” อาจเกี่ยวข้องกับ
ความสัมพันธ์กับลูกค้า
นโยบายของคู่ค้า (บางรายมีข้อกำหนดชัดเจนเรื่องการโอนสิทธิรับเงิน)
และรูปแบบผลิตภัณฑ์ของแต่ละผู้ให้บริการ
รายละเอียดเชิงขั้นตอนและเอกสาร สามารถไปดูต่อในบทความ
สมัครใช้บริการแฟคตอริ่งสำหรับ SME ต้องเตรียมอะไรบ้าง (how-to-apply-factoring)
เพื่อไม่ให้บทความนี้หนักไปทางเทคนิคเกินจำเป็นครับ
ในไฟล์เราตั้งใจให้บทความนี้เป็น “ภาพรวมของแฟคตอริ่ง”
จึงจะเปรียบเทียบหลัก ๆ กับ การรอลูกค้าจ่ายเอง (ไม่ลงลึกเทียบ OD หรือสินเชื่อระยะสั้นอื่น)
ปลดล็อกเงินที่จมอยู่ในลูกหนี้การค้า
ใบแจ้งหนี้ที่เคยต้องรอ 60–90 วัน → เปลี่ยนเป็นเงินสดในไม่กี่วัน
ช่วยให้คุณมีเงินทุนหมุนเวียนกลับเข้าธุรกิจเร็วขึ้น
ผูกกับยอดขายจริง
ใช้ได้ก็ต่อเมื่อมี “ยอดขายที่เกิดขึ้นแล้ว” และมีเอกสารครบ
ทำให้โครงสร้างหนี้สัมพันธ์กับขนาดธุรกิจ ไม่ใช่กู้เกินตัวโดยไม่มีฐานรายได้
ช่วยบริหารเครดิตเทอม
แม้คุณจะให้เครดิตเทอมยาวกับลูกค้า เพื่อไม่เสียดีล
แต่ยังมีเครื่องมือช่วยเร่งเงินสดกลับเข้ามาในระบบของคุณ
ช่วยให้เห็นภาพเงินทุนหมุนเวียนชัดขึ้น
แฟคตอริ่งโยงกับแนวคิด “เงินทุนหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า” โดยตรง
ทำให้คุณเริ่มมองลูกหนี้การค้าไม่ใช่แค่ตัวเลขฝั่งทรัพย์สิน แต่เป็น “แหล่งเงินทุนหมุนเวียน” อีกแบบหนึ่ง
มีต้นทุน (ค่าธรรมเนียม/ดอกเบี้ย)
คุณไม่ได้รับยอดบิลเต็ม 100% เพราะต้องหักค่าบริการ
ต้องประเมินว่ากำไรขั้นต้นของคุณพอแบกรับต้นทุนนี้ได้หรือไม่
ใช้ได้เฉพาะยอดขายที่มีเอกสารเป็นทางการ
ใบแจ้งหนี้ต้องชัด ลูกค้าต้องเป็นนิติบุคคลที่น่าเชื่อถือ
ธุรกิจที่เน้นเงินสด ปลีกย่อย หรือไม่มีเอกสารชัดเจน จะใช้แฟคตอริ่งได้จำกัด
ต้องบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า
ในกรณีแบบแจ้งลูกค้า (Disclosed) ลูกค้าจะรู้ว่าคุณใช้แฟคตอริ่ง
ต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องบริหารเงินทุนหมุนเวียน ไม่ใช่สัญญาณว่าธุรกิจมีปัญหา
สรุปคือ แฟคตอริ่ง “ไม่ใช่เงินกู้ฟรี” แต่เป็นการจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อแลกกับการเร่งกระแสเงินสด
คุณจึงควรใช้เมื่อ “การมีเงินสดเร็วขึ้น” ช่วยให้ธุรกิจทำกำไรหรือเติบโตได้มากกว่าต้นทุนที่จ่ายไป
ลองเช็กลิสต์ง่าย ๆ ว่าธุรกิจของคุณเข้าเคสไหนบ้าง
ขายสินค้า/บริการให้ ลูกค้านิติบุคคล เป็นหลัก (B2B)
เครดิตเทอม 30–90 วัน และยอดต่อใบแจ้งหนี้ค่อนข้างสูง
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น
บริษัทขนาดกลาง–ใหญ่
ห้างค้าปลีก
รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรที่มีเครดิตดี
มีเอกสารครบ: ใบสั่งซื้อ, ใบส่งของ, ใบแจ้งหนี้, สัญญาซื้อขาย ฯลฯ
ธุรกิจกลุ่มนี้ ถ้าไม่ใช้แฟคตอริ่ง เงินก็มักจะ “จมอยู่ในลูกหนี้การค้า” เป็นปกติอยู่แล้ว
การใช้ สินเชื่อแฟคตอริ่ง จึงเป็นการปลดล็อกเงินทุนหมุนเวียนที่มีอยู่ในตัวมันเอง
ขายปลีกเงินสด, ร้านเล็กขายหน้าร้านทั่วไป
ธุรกิจที่ไม่มีเอกสารการขายชัดเจน
ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่นิติบุคคล
ยอดขายกระจายเล็ก ๆ จำนวนมาก ไม่ได้ออกบิลยอดใหญ่
ในกรณีนี้ คุณอาจต้องมองเครื่องมืออื่น เช่น
วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD)
สินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น
หรือมองภาพใหญ่จากบทความ แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง เลือกแบบไหนให้เหมาะ (sme-funding-sources)
เพื่อหาทางเลือกที่เข้ากับรูปแบบธุรกิจของคุณมากกว่า
รายละเอียดเชิงลึกเรื่อง “สมัครยังไง เอกสารอะไรบ้าง” จะไปอยู่ในบทความ
สมัครใช้บริการแฟคตอริ่งสำหรับ SME ต้องเตรียมอะไรบ้าง (how-to-apply-factoring)
ที่นี่ขอสรุปเป็นภาพรวม 3 ขั้นตอนหลักไว้ให้ก่อน
โดยทั่วไป ผู้ให้บริการแฟคตอริ่งจะขอดู
ข้อมูลบริษัทของคุณ
รายชื่อลูกค้านิติบุคคลที่คุณขายให้
เอกสารประกอบธุรกรรม: สัญญา, ใบสั่งซื้อ, ใบส่งของ, ใบแจ้งหนี้ ฯลฯ
เขาไม่ได้ดูแค่คุณ แต่ดูด้วยว่า “ลูกค้าของคุณ” น่าเชื่อถือแค่ไหน
เพราะสุดท้ายเงินจะมาจากฝั่งลูกค้าของคุณ
บางแห่งถนัดลูกค้าในอุตสาหกรรมเฉพาะ
บางแห่งเน้นลูกค้ากลุ่มขนาดกลาง–ใหญ่
เงื่อนไขค่าธรรมเนียม และโครงสร้างบริการอาจต่างกัน
การคุยหลาย ๆ เจ้า เพื่อเปรียบเทียบข้อตกลงพื้นฐาน
จะช่วยให้คุณไม่ติดกับตัวเลือกแรกที่เจอจากโฆษณา
หลังตกลงกันแล้ว คุณต้องจัดระบบภายใน เช่น
วิธีส่งเอกสารใบแจ้งหนี้ให้ผู้ให้บริการ
วิธีบันทึกบัญชี/กระทบยอด ที่มีการ “โอนสิทธิรับเงิน”
วิธีสื่อสารกับลูกค้า (ในกรณีที่เป็นแบบแจ้งลูกค้า)
ช่วงแรกอาจต้องใช้เวลาปรับ แต่เมื่อระบบลงตัวแล้ว
แฟคตอริ่งจะกลายเป็น “สายเลือดเสริม” ให้เงินทุนหมุนเวียนของคุณไหลลื่นขึ้นมาก
หากสรุปแบบภาษาเจ้าของกิจการว่า “สินเชื่อแฟคตอริ่งคืออะไร”
ก็อาจพูดได้ว่า
มันคือวิธีเอา “ยอดขายที่เกิดไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงิน”
มาเปลี่ยนเป็น “เงินสดก้อน” เพื่อใช้หมุนธุรกิจต่อ
โดยยอมจ่ายค่าธรรมเนียม–ดอกเบี้ย แลกกับการไม่ต้องรอเครดิตเทอมจนเงินตึง
แฟคตอริ่งไม่ได้เหมาะกับทุกธุรกิจ แต่ถ้าคุณ
ขายให้ลูกค้านิติบุคคลเยอะ
เครดิตเทอมยาว
ลูกหนี้การค้าเต็มมือ
เริ่มรู้สึกว่า “กำไรมี แต่เงินสดไม่พอหมุน”
การลองพิจารณา ขายหนี้การค้า / โอนสิทธิรับเงิน ผ่านแฟคตอริ่ง
อาจเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของการจัดการ เงินทุนหมุนเวียนจากลูกหนี้ ให้สมดุลขึ้น
อ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นภาพชัดว่า “แฟคตอริ่ง” เป็นเพียงหนึ่งในหลายเครื่องมือด้านเงินทุนหมุนเวียนที่ SME สามารถใช้ได้ตามสถานการณ์จริงของธุรกิจ แต่การจะตัดสินใจเลือกใช้แฟคตอริ่ง วงเงิน OD หรือสินเชื่อหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ ให้เหมาะสม จำเป็นต้องวิเคราะห์ให้ครบทั้งเรื่องกระแสเงินสด ลูกหนี้การค้า โครงสร้างยอดขาย และรอบเงินของธุรกิจเฉพาะเคส
นี่คือเหตุผลที่บริการที่ปรึกษาด้านจัดหาเงินทุนของ Siam Prime Capital ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าของกิจการ “มองภาพการเงินทั้งระบบ” ก่อนตัดสินใจ ไม่ใช่แค่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง
✔ วิเคราะห์รอบเงินของธุรกิจอย่างละเอียด
ดูยอดขายจริง กระแสเงินสด ลูกหนี้การค้า ความยาวเครดิตเทอม และภาระเงินสดในแต่ละเดือน เพื่อให้เห็นว่าต้นตอของ “เงินตึง” อยู่ตรงไหนแน่ ๆ
✔ ประเมินว่าแฟคตอริ่งเหมาะกับเคสของคุณหรือไม่
ให้คำแนะนำแบบโปร่งใสว่าควรใช้แฟคตอริ่ง หรือควรมองไปที่ OD, สินเชื่อหมุนเวียน, รีไฟแนนซ์ หรือเครื่องมืออื่นที่เหมาะสมกว่า
✔ วางโครงสร้างเงินทุนหมุนเวียนให้สมดุล
ไม่ให้หนี้เกินตัว ไม่ให้เงินจมในลูกหนี้การค้าจนธุรกิจขาดสภาพคล่อง
✔ ช่วยเตรียมข้อมูลและเอกสารให้พร้อมสำหรับยื่นสินเชื่อ
ตั้งแต่สรุปรอบเงิน การเล่าเคสธุรกิจ ไปจนถึงการจัดเอกสาร เพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติวงเงินจากสถาบันการเงิน
✔ ลดภาระงานเจ้าของกิจการที่ต้องวิ่งหาหลายที่
ประหยัดเวลา ลดความเสี่ยงเลือกผลิตภัณฑ์ผิดประเภท หรือเจอเงื่อนไขที่ไม่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
ถ้าคุณกำลังลังเลว่า
“ควรใช้แฟคตอริ่งไหม? หรือควรใช้ OD/สินเชื่อหมุนเวียนแทน?”
หรืออยากให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยประเมินภาพรวมเงินทุนของธุรกิจแบบเป็นกลาง
➡️ สามารถติดต่อ Siam Prime Capital ผ่านเว็บไซต์ เพื่อขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ฟรี
ให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำแนวทางที่เหมาะกับโครงสร้างกระแสเงินสดของธุรกิจคุณโดยเฉพาะ
เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือของข้อมูลในบทความ และเปิดโอกาสให้ผู้อ่านศึกษารายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติม นี่คือ 4 แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแฟคตอริ่ง เงินทุนหมุนเวียน และสภาพคล่องของ SME
ธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT)
ข้อมูลด้านสินเชื่อธุรกิจ ลูกหนี้การค้า และภาพรวมระบบการเงินของ SME
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
ข้อมูลโครงการค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ และภาพรวมเงื่อนไขสินเชื่อ SME
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)
สถิติ SME ไทย, รายงานเทรนด์เครดิตเทอม, และข้อมูลสภาพคล่องของกิจการขนาดเล็ก–กลาง
สมาคมแฟคตอริ่งนานาชาติ (FCI – Factors Chain International)
ข้อมูลเชิงเทคนิคเกี่ยวกับแฟคตอริ่งประเภทต่าง ๆ และมาตรฐานสากลของกระบวนการโอนสิทธิรับเงิน
หากผู้อ่านต้องการดูมุมเปรียบเทียบแฟคตอริ่งกับเครื่องมือเงินทุนอื่น สามารถตามอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง เช่น
แฟคตอริ่ง vs OD vs สินเชื่อระยะสั้น
เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร ต่างจากกำไรอย่างไร
แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง เลือกแบบไหนให้เหมาะ
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพ “ระบบเงินทุนหมุนเวียนทั้งวงจร” และเลือกวิธีที่เหมาะกับธุรกิจได้ง่ายขึ้นครับ