เจ้าของกิจการหลายคนเวลาเริ่มมองหาเงินทุน ก็มักเริ่มจากการ “กู้ในนามบุคคล” ก่อน เพราะรู้สึกว่าขอสินเชื่อบุคคลหรือบัตรกดเงินสดน่าจะง่ายกว่า ไม่ต้องเตรียมเอกสารเยอะเหมือนขอ สินเชื่อธุรกิจsme แต่พอใช้ไปสักพัก กลับเจอปัญหาคลาสสิก: ดอกเบี้ยสูง วงเงินไม่พอขยายกิจการ และทำให้การเงินส่วนตัวปนกับการเงินธุรกิจไปหมด (ยิ่งถ้าต้องการ เงินกู้ด่วน ก็ยิ่งเผลอเลือกทางที่แพงและเสี่ยงกว่าโดยไม่รู้ตัว)
ตรงนี้เองที่คำถามว่า “สินเชื่อsmeคือ อะไร” และ “ควรใช้สินเชื่อ SME แทนสินเชื่อบุคคลตอนไหน” กลายเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับเจ้าของกิจการ
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า
ถ้าอยากดูภาพรวมเรื่องประเภทสินเชื่อทั้งหมดก่อน แนะนำให้อ่านคู่กับบทความหน้าแม่ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME คืออะไร?
ถ้ามองผิวเผิน สินเชื่อทุกประเภทเหมือนกันคือ “กู้เงินมาก่อน แล้วค่อยผ่อนคืนพร้อมดอกเบี้ย” แต่ในมุมการบริหารธุรกิจจริง ๆ สินเชื่อแต่ละแบบออกแบบมาให้ตอบโจทย์คนละอย่างกัน
เหตุผลที่เจ้าของกิจการควรรู้จักและเข้าใจ “สินเชื่อ SME” โดยเฉพาะ มีอย่างน้อย 3 ข้อ
เพื่อใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับเป้าหมายธุรกิจ
เงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น → สินเชื่อหมุนเวียน/OD
ลงทุนเครื่องจักร/โรงงาน → Term loan / สินเชื่อเพื่อการลงทุน
ขยายสาขา ทำแฟรนไชส์ → สินเชื่อแฟรนไชส์ ฯลฯ
เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ส่วนตัวพาธุรกิจสะดุด
ถ้าทุกอย่างใช้ชื่อบุคคลส่วนตัวกู้ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเครดิตส่วนตัวเต็ม วงเงินเริ่มตัน และเวลาอยากใช้สินเชื่อธุรกิจจริง ๆ กลับมีพื้นที่เหลือให้กู้น้อยลง
เพื่อสร้างประวัติเครดิตของ “ธุรกิจ” ให้แข็งแรงในระยะยาว
การใช้ สินเชื่อธุรกิจ sme อย่างมีวินัย จะช่วยให้ธุรกิจมี track record ที่ดี ทำให้การขอเพิ่มวงเงินหรือขอผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นง่ายขึ้นในอนาคต
สินเชื่อ SME คือสินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อให้ “ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจจริง” ทั้งที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล หรือเป็นบุคคลธรรมดาที่มีธุรกิจส่วนตัว สามารถใช้เป็นเงินทุนในการดำเนินกิจการ เช่น
ซื้อของเข้าสต๊อก
จ่ายซัพพลายเออร์ระหว่างรอลูกค้าชำระเงิน
ลงทุนซื้ออุปกรณ์ เครื่องจักร หรือปรับปรุงร้าน
ขยายกำลังการผลิต หรือเปิดสาขาใหม่
จุดสำคัญของ เงินกู้sme คือ ผู้ให้กู้จะมอง “ภาพธุรกิจ” เป็นหลัก เช่น
ยอดขายย้อนหลัง
โครงสร้างต้นทุน
กลุ่มลูกค้า
กระแสเงินสดเข้า–ออก
งบการเงิน/สเตทเม้นต์
ศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ
มากกว่าจะมองแค่เงินเดือนประจำหรือรายได้ส่วนตัวของเจ้าของคนเดียวแบบสินเชื่อบุคคล
ถ้าอยากดูภาพรวมประเภทสินเชื่อ SME แบบกว้าง ๆ เช่น วงเงินหมุนเวียน เทอมโลน แฟคตอริ่ง หรือ OD สามารถไปต่อที่บทความหน้าแม่ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME คืออะไร? คู่มือฉบับเจ้าของกิจการ ได้เลย
ลองเปรียบเทียบแบบ “จับคู่ทีละข้อ” จะเห็นภาพชัดขึ้นว่าทำไมควรใช้ให้ถูกประเภท
สินเชื่อ SME / สินเชื่อเพื่อธุรกิจ
ใช้เพื่อดำเนินธุรกิจ: หมุนเวียน, ซื้อเครื่องจักร, ขยายกิจการ
เงินที่กู้มา “ควรสร้างรายได้ใหม่” ให้ธุรกิจ
สินเชื่อบุคคล
ใช้ได้ทั้งส่วนตัวและธุรกิจ (แม้จริง ๆ จะออกแบบมาเพื่อใช้ส่วนตัว)
เช่น ค่ารักษาพยาบาล, ปรับปรุงบ้าน, ใช้จ่ายส่วนตัว, รวมหนี้ ฯลฯ
หลายธุรกิจเริ่มต้นด้วยการใช้สินเชื่อบุคคลมาหมุนในกิจการ ซึ่งในช่วงแรกอาจพอได้ แต่ถ้าใช้ต่อเนื่องระยะยาว มักนำไปสู่ปัญหาดอกเบี้ยและภาระหนี้ส่วนตัวที่ไม่สมดุลกับรายได้ธุรกิจ
สินเชื่อ SME
ดู “ตัวธุรกิจ” เป็นหลัก เช่น ยอดขาย ยอดเงินเข้าออกบัญชีธุรกิจ งบการเงิน
อาจใช้ DSCR (Debt Service Coverage Ratio) หรือกระแสเงินสดในการประเมินความสามารถผ่อน
เจ้าของกับธุรกิจผูกกัน แต่ผู้ให้กู้จะพยายามแยกให้เห็นว่า “ธุรกิจ” หาเงินมาผ่อนหนี้ได้ไหม
สินเชื่อบุคคล
ดูรายได้ประจำ/สลิปเงินเดือนของผู้กู้
ในกรณีเจ้าของกิจการ/อาชีพอิสระ มักประเมินจากยอดเดินบัญชีส่วนตัว + เอกสารเสริมบางอย่าง
ไม่ได้ลงลึกในโครงสร้างธุรกิจมากนัก เน้นประเมินจากรายได้ส่วนตัวและประวัติเครดิต
ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการที่ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่อาศัย “รายได้ผ่านบัญชีธุรกิจ” เป็นหลัก การใช้สินเชื่อ SME จะตรงตัวและโปร่งใสมากกว่า
รายละเอียดวิธีเตรียมเอกสารและสเตทเม้นต์สำหรับขอสินเชื่อ SME สามารถตามต่อได้ในบทความ สินเชื่อ SME เริ่มต้นธุรกิจ ต้องเตรียมอะไรบ้าง
สินเชื่อ SME
วงเงินมักอิงจาก “ยอดขายธุรกิจต่อปี” หรือ “มูลค่าสินทรัพย์/หลักประกัน”
หลายกรณีได้วงเงินสูงกว่าสินเชื่อบุคคล เพราะธุรกิจมีศักยภาพสร้างรายได้มากกว่า
สินเชื่อบุคคล
วงเงินมักจำกัดที่หลายเท่าของรายได้ส่วนตัว (เช่น 3–5 เท่าของรายได้ต่อเดือน)
ถ้าใช้เพื่อหมุนในธุรกิจมักไม่พอเมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัว
โดยทั่วไป (แม้จะไม่ใช่ทุกกรณี):
สินเชื่อ SME บางประเภท โดยเฉพาะที่มีหลักประกัน มักมีดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อบุคคลระยะยาว
สินเชื่อบุคคล/บัตรกดเงินสด ดอกเบี้ยมักสูงกว่า เพราะผู้ให้กู้รับความเสี่ยงในนามบุคคลมากกว่า และไม่มีหลักประกันชัดเจน
ถ้าใช้สินเชื่อบุคคลมาหมุนเวียนในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงอาจกินกำไรธุรกิจไปแบบไม่รู้ตัว
สินเชื่อ SME
ต้องเตรียมเอกสารหลายอย่าง: เอกสารจดทะเบียน, งบการเงิน, ภ.พ.30, รายงานสต๊อก ฯลฯ
ฟังดูยุ่งยากกว่า แต่ถ้าจัดระบบบัญชี/ภาษีดีอยู่แล้ว การเตรียมไม่ยาก และได้ประโยชน์ต่อการบริหารธุรกิจโดยรวมด้วย
สินเชื่อบุคคล
สำหรับมนุษย์เงินเดือน เอกสารอาจง่ายกว่า: สลิปเงินเดือน, สเตทเม้นต์, สำเนาบัตร/ทะเบียนบ้าน
แต่สำหรับเจ้าของกิจการ/อาชีพอิสระ ก็มักถูกขอเอกสารเพิ่มอยู่ดี เช่น สัญญาจ้างงาน สเตทเม้นต์ยาว ๆ เอกสารภาษี ฯลฯ
ถ้าใช้ สินเชื่อบุคคล หมุนในธุรกิจ
หนี้ก้อนนั้นจะผูกกับ “คน” ไม่ได้ผูกกับ “กิจการ”
ถ้าเกิดปัญหา สุดท้ายเครดิตส่วนตัวเสีย ส่งผลต่อการขอสินเชื่อทุกประเภทในอนาคต
ถ้าใช้ สินเชื่อ SME อย่างมีวินัย
จะค่อย ๆ สร้าง “ประวัติสินเชื่อของธุรกิจ” เพิ่มความน่าเชื่อถือเวลาขอวงเงินเพิ่มหรือขอผลิตภัณฑ์ใหม่
ลองดูสถานการณ์จริงที่เจ้าของกิจการหลายคนเจอกันบ่อย ๆ
คุณมีร้านค้าปลีกที่ยอดขายเริ่มดีขึ้น แต่ต้องซื้อสต๊อกสินค้าปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ หากใช้บัตรเครดิต/สินเชื่อบุคคลรูดและกดเงินไปเรื่อย ๆ สุดท้ายดอกเบี้ยจะสูงและวงเงินเต็ม
ทางเลือกที่เหมาะกว่า
ใช้ สินเชื่อ SME วงเงินหมุนเวียน/OD ที่ผูกกับยอดขายธุรกิจ
ใช้ แฟคตอริ่ง ถ้าคุณขายแบบเครดิตเทอมให้ลูกค้านิติบุคคล (จะไปลงรายละเอียดในบทความ สินเชื่อแฟคตอริ่งคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาเงินขาดมือให้ SME ได้อย่างไร)
การใช้สินเชื่อบุคคลก้อนใหญ่ ๆ มาซื้อเครื่องจักร ทำให้ภาระหนี้ผูกกับตัวเจ้าของแบบเต็ม ๆ และดอกเบี้ยมักสูง
ทางเลือกที่เหมาะกว่า
ใช้ สินเชื่อเครื่องจักร หรือ สินเชื่อเพื่อการลงทุนระยะยาว ที่มีโครงสร้างผ่อนระยะยาว ดอกเบี้ยเหมาะสม และนำเครื่องจักรมาเป็นหลักประกันแทน
ถ้าเริ่มต้นธุรกิจโดยใช้สินเชื่อบุคคลอย่างเดียว ทั้งที่จริง ๆ มีผลิตภัณฑ์ สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ หรือ สินเชื่อ SME เริ่มต้นธุรกิจ ให้เลือก อาจทำให้โครงสร้างเงินทุนไม่เหมาะสมตั้งแต่แรก
รายละเอียดกรณีนี้จะต่อในบทความ สินเชื่อผู้ประกอบการรายใหม่ เริ่มต้นธุรกิจอย่างมั่นใจ และ สินเชื่อ SME เริ่มต้นธุรกิจ ต้องเตรียมอะไรบ้าง
ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้เงินในธุรกิจ
วงเงินมักสอดคล้องกับยอดขายและศักยภาพของกิจการ
มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบมีหลักทรัพย์และไม่มีหลักทรัพย์
ช่วยสร้างประวัติเครดิตของธุรกิจในระยะยาว
เอกสารอาจเยอะและต้องจัดระบบบัญชีให้ดี
อาจต้องเปิดเผยตัวเลขธุรกิจอย่างโปร่งใส (ซึ่งจริง ๆ เป็นผลดีต่อการบริหารเองด้วย)
ถ้าวางแผนไม่ดี ใช้สินเชื่อผิดประเภท หรือกู้มากเกินกำลังธุรกิจ ก็กลายเป็นภาระหนี้ได้เหมือนกัน
สินเชื่อ SME ไม่ได้ดีกว่าสินเชื่อบุคคลเสมอไป
ประเด็นสำคัญคือ “ใช้ให้ตรงงาน” เช่น ใช้สินเชื่อบุคคลสำหรับเรื่องส่วนตัวที่จำเป็นจริง ๆ แต่ใช้สินเชื่อ SME สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจ
ก่อนจะกดขอสินเชื่อใด ๆ ลองถามตัวเองด้วยคำถามชุดนี้
กู้ไปเพื่ออะไรแน่ ๆ ?
หมุนเวียนระยะสั้น / ซื้อของเข้า / รองรับเครดิตเทอม
ลงทุนเครื่องจักร / ขยายสาขา / สร้างโรงงาน
ปรับโครงสร้างหนี้เดิมให้สบายขึ้น
ถ้ากู้แล้ว ธุรกิจจะสร้างรายได้เพิ่มจากเงินก้อนนี้อย่างไร?
ยอดขายจะเพิ่มประมาณเท่าไหร่
กำไรสุทธิหลังหักดอกเบี้ยแล้วเหลืออยู่ไหม
ปัจจุบันธุรกิจมีเอกสารอะไรพร้อมแล้วบ้าง?
สเตทเม้นต์ย้อนหลัง
งบการเงิน/เอกสารภาษี
เอกสารจดทะเบียน/ใบอนุญาตต่าง ๆ
ถ้ากำลังจะใช้ “สินเชื่อบุคคล” แต่เอามาหมุนธุรกิจ
มีตัวเลือก กู้sme แบบไหนที่ตรงงานกว่าไหม
หรือพิจารณา สินเชื่อบสยค้ําประกัน เพื่อเพิ่มโอกาส/ลดแรงกดดันเรื่องหลักประกันได้หรือไม่
ลองดูตัวเลือกในบทความแนวรวมภาพ เช่น แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME มีอะไรบ้าง เลือกแบบไหนให้เหมาะ
คำถามว่า “สินเชื่อ SME คืออะไร ต่างจากสินเชื่อบุคคลอย่างไร” จริง ๆ แล้วนำไปสู่คำถามที่ใหญ่กว่า คือ
“เรากำลังเอาหนี้ไปทำงานให้ธุรกิจเติบโต หรือเอาหนี้มาแบกปัญหาที่ควรแก้ด้วยวิธีอื่น?”
ถ้าใช้สินเชื่อ SME อย่างมีแผน
เลือกประเภทเงินกู้ให้ตรงกับเป้าหมาย
จัดระบบเอกสารและบัญชีให้โปร่งใส
รู้เท่าทันข้อจำกัดของสินเชื่อบุคคล
คุณจะสามารถใช้สินเชื่อเป็น “เครื่องมือขยายธุรกิจ” ได้จริง มากกว่าจะเป็น “ภาระที่ต้องตามแก้ทีหลัง”
ธปท.:ความรู้เรื่อง“หนี้ส่วนบุคคล/สินเชื่อส่วนบุคคล” และลักษณะต้นทุนที่มักสูงกว่า
ธปท. (ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน 1213):เครื่องมือ “เปรียบเทียบสินเชื่อ SMEs และธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง”
บสย. (TCG):หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการค้ำประกันสินเชื่อ