สำหรับเจ้าของกิจการหลายคน คำถามใหญ่ไม่ใช่แค่ว่า “จะขายอะไรดี” แต่คือ “จะหา แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME จากที่ไหน และควรใช้แบบไหน ถึงจะไม่เสี่ยงเกินตัว?”
ในยุคที่มีทั้ง แหล่งเงินทุนระยะสั้น, แหล่งเงินทุนระยะยาว, สินเชื่อธุรกิจ, แฟคตอริ่ง, OD, นักลงทุน, ทุนส่วนตัว ฯลฯ การเข้าใจ “ภาพรวมของแหล่งเงินทุน” และวิธีเลือกให้ตรงกับเป้าหมายธุรกิจ เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับ SME
บทความนี้จะสรุปให้ครบตามโครงต่อไปนี้
เพื่อไม่ให้ข้อมูลแน่นเกินไป บทความนี้จะสรุปภาพรวมก่อน แล้วคุณสามารถไปอ่านเชิงลึกแบบ “ขยายความเป็นรายหัวข้อ” ในบทความอื่นต่อได้ เช่น เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร ต่างจากกำไรอย่างไร, เงินทุนระยะสั้น vs ระยะยาว สำหรับธุรกิจ SME, สินเชื่อแฟคตอริ่งคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาเงินขาดมือให้ SME ได้อย่างไร, วงเงิน OD คืออะไร ใช้อย่างไรให้ธุรกิจไม่จมดอกเบี้ย, และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME คืออะไร? คู่มือฉบับเจ้าของกิจการ
สำหรับ SME แต่ละการตัดสินใจเรื่อง “แหล่งเงินทุน” ส่งผลต่อชีวิตธุรกิจเลยทีเดียว เพราะ…
เลือก แหล่งเงินทุนระยะสั้น ไปใช้กับโปรเจกต์ยาวเกินไป → กระแสเงินสดตึง
กู้เยอะเกิน ทั้งที่ธุรกิจยังไม่มั่นคง → เสี่ยงผ่อนไม่ไหว
พึ่งแต่ “หนี้” โดยไม่คิดเรื่องทุนตัวเองหรือหุ้นส่วน → ธุรกิจโตเร็ว แต่เจ้าของเครียดหนัก
ใช้ แหล่งเงินทุนนอกระบบ เพราะต้องการเงินด่วน → กลายเป็นภาระดอกเบี้ยและความเสี่ยงด้านอื่น
การเลือก แหล่งเงินทุน ที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณ
จับโอกาสทางธุรกิจได้ทัน (เช่น มีออเดอร์เข้ามาแต่ต้องเพิ่มสต๊อก)
ลงทุนขยายกิจการ เช่น เครื่องจักร โรงงาน โกดัง หรือแฟรนไชส์ ได้อย่างมีแผน
รักษาสุขภาพกระแสเงินสด ไม่ให้ “การเงินดีเฉพาะบนกระดาษ แต่เงินสดจริงไม่พอใช้”
พูดง่าย ๆ คือ แหล่งเงินทุนที่เหมาะ จะเป็น “คันโยก” ให้ธุรกิจโต ไม่ใช่ “ก้อนหิน” ที่ถ่วงธุรกิจให้หนักขึ้น
โดยภาพรวม แหล่งเงินทุนธุรกิจ sme แบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
ฝั่ง ทุนตัวเอง / นักลงทุน (Equity)
ฝั่ง หนี้ / สินเชื่อธุรกิจ (Debt)
ในบทนี้จะไล่ดูทีละแบบแบบภาพรวม (รายละเอียดลึก ๆ ไปตามอ่านในบทความเฉพาะที่ลิงก์ไว้ได้)
หมายถึงเงินที่มาจากฝั่งผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่
เงินออมส่วนตัวของเจ้าของ
เงินที่เจ้าของเคยใส่เข้าบริษัทเป็นทุนจดทะเบียน
กำไรสะสม ของกิจการที่กันไว้เพื่อลงทุนต่อ
ข้อดี
ไม่มีดอกเบี้ย ไม่ต้องผ่อนคืนเป็นค่างวด
ตัดสินใจเร็ว คุยกันในทีมผู้ถือหุ้นก็เริ่มได้เลย
เป็นฐานที่สถาบันการเงินอยากเห็น เพราะสะท้อนว่าเจ้าของ “ลงเนื้อ” จริง
ข้อควรระวัง
อย่าใช้ทุนส่วนตัวหมดเกลี้ยงจนไม่มีเงินสำรองชีวิต
ถ้าธุรกิจยังไม่พิสูจน์โมเดล ควรเริ่มเล็ก ทดสอบตลาดก่อนใส่ทุนก้อนใหญ่
ในบางธุรกิจ โดยเฉพาะสาย Startup / Tech / Micro SME ที่ต้องการโตเร็ว อาจมีทางเลือก “นักลงทุนภายนอก” เข้ามาร่วมถือหุ้น เช่น
Angel Investor
Venture Capital
กองทุนสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรม
ข้อดี
ได้ทั้งเงิน + เครือข่าย + ความรู้/ประสบการณ์
ไม่มีภาระดอกเบี้ยรายเดือน
ข้อควรคิด
ต้องแบ่งหุ้น แบ่งอำนาจตัดสินใจ
ต้องคุยเรื่องมุมมองระยะยาวให้ตรงกัน ไม่อย่างนั้นโตไปแล้วจะทะเลาะกันทีหลัง
กลุ่มนี้จะถูกเจาะลึกในบทความอย่าง แหล่งเงินทุนสำหรับ Startup และ Micro SME
ฝั่ง สินเชื่อธุรกิจ คือ “หนี้ในระบบ” จากธนาคาร/สถาบันการเงิน เช่น
สินเชื่อหมุนเวียน / สินเชื่อระยะสั้น
สินเชื่อระยะยาวเพื่อซื้อเครื่องจักร โรงงาน โกดัง
สินเชื่อผู้ประกอบการรายใหม่
สินเชื่อแฟรนไชส์ ฯลฯ
ข้อดี
ช่วยเร่งการเติบโตได้เร็ว โดยไม่ต้องยอมลดสัดส่วนความเป็นเจ้าของ
ถ้าเลือกเงื่อนไขดีและบริหาร CF เป็น หนี้จะกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมาก
ข้อควรระวัง
ทุกบาทที่กู้มา = ภาระค่างวดในอนาคต
ต้องมั่นใจว่ากระแสเงินสดของธุรกิจ “พอจ่ายหนี้ได้ในทุกสภาพตลาด”
รายละเอียดเชิงลึกจะไปอยู่ในบทความอื่น เช่น
สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME คืออะไร? คู่มือฉบับเจ้าของกิจการ,
สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก เลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับกิจการ,
สินเชื่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อขยายกำลังการผลิต,
กู้สร้างโรงงานและโกดังสำหรับ SME ต้องรู้เงื่อนไขอะไรบ้าง ฯลฯ
แฟคตอริ่ง เป็นแหล่งเงินทุนที่ใช้ “ใบแจ้งหนี้ / ลูกหนี้การค้า” มาเปลี่ยนเป็นเงินสด เช่น
คุณขายของให้ลูกค้านิติบุคคลแบบเครดิตเทอม 60 วัน
แต่คุณต้องใช้เงินหมุนตอนนี้ เลยนำใบแจ้งหนี้ไปให้บริษัทแฟคตอริ่ง
เขาจ่ายเงินให้คุณก่อน (หักค่าธรรมเนียม) แล้วรอเก็บเงินจากลูกค้าตามกำหนดเอง
เหมาะกับ SME ที่
ขายให้บริษัท/องค์กร
มีใบแจ้งหนี้ชัดเจน
มักเจอปัญหา “ขายได้แต่เงินยังไม่เข้า”
รายละเอียดจะขยายเต็ม ๆ ในบทความ สินเชื่อแฟคตอริ่งคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาเงินขาดมือให้ SME ได้อย่างไร
OD (Overdraft) คือ “วงเงินเบิกเกินบัญชี” ที่ธนาคารให้คุณติดลบได้ตามวงเงิน เช่น
วงเงิน OD 300,000 บาท
เงินในบัญชีเป็นศูนย์ แต่สามารถเบิกใช้ได้ถึง -300,000 บาท
เหมาะกับธุรกิจที่
มีเงินเข้า–ออกบัญชีสม่ำเสมอ
แต่อาจมีจังหวะที่ค่าใช้จ่ายมาก่อนรายรับ เช่น ต้องจ่ายซัพพลายเออร์ก่อนลูกค้าจ่าย
ข้อดีคือ เสียดอกเบี้ยเฉพาะส่วนที่ใช้จริง และตามจำนวนวัน
แต่ถ้าใช้เต็มวงเงินตลอด และไม่เคยให้ยอด “กลับมาใกล้ศูนย์” เลย OD จะกลายเป็นหนี้ก้อนหนึ่งที่จมอยู่ตลอดเวลา
เรื่องนี้จะอธิบายละเอียดในบทความ วงเงิน OD คืออะไร ใช้อย่างไรให้ธุรกิจไม่จมดอกเบี้ย
การเลือกใช้ “หนี้ vs ทุน” ไม่มีแบบไหนดีที่สุดตายตัว แต่แต่ละแบบมีผลต่อธุรกิจต่างกันในรายละเอียดสำคัญ 3 ด้าน
หนี้
มีต้นทุนเป็น “ดอกเบี้ย” และค่าธรรมเนียม
ต้องคิดให้ชัดว่า ธุรกิจสร้างกำไรได้มากกว่าดอกเบี้ยที่จ่ายหรือไม่
ทุน
ไม่มีดอกเบี้ย แต่ต้องแบ่ง “กำไร” หรือมูลค่ากิจการในอนาคตให้ผู้ร่วมทุน
มองในมุมเจ้าของเดิมคือ ต้นทุนอยู่ในรูป “สัดส่วนความเป็นเจ้าของที่ลดลง”
หนี้
มีตารางชำระชัดเจน ต้องจ่ายตามกำหนด
ถ้ายอดขายตก แต่ค่างวดเท่าเดิม → กระทบกระแสเงินสดทันที
ทุน
ไม่มีตารางผ่อนคืนเหมือนหนี้
แต่ผู้ร่วมทุนย่อมคาดหวัง “ผลตอบแทน” เช่น กำไรปันผล หรือมูลค่ากิจการที่โตขึ้น
หนี้
ให้คุณยังคุมกิจการได้เต็ม แต่ความยืดหยุ่นด้านเงินสดจะถูกจำกัดด้วยค่างวด
ถ้าบริหารหนี้ดี หนี้จะ “ยืดหยุ่นได้พอสมควร” ผ่านการรีไฟแนนซ์หรือปรับโครงสร้าง
ทุน
ยืดหยุ่นด้านเงินสด เพราะไม่มีค่างวด
แต่อาจยืดหยุ่นน้อยลงด้านการตัดสินใจ เพราะต้องคุยกับผู้ถือหุ้น/นักลงทุนร่วม
สุดท้ายจึงต้องถามตัวเองว่า
ในระยะนี้ ธุรกิจของคุณ “ต้องการความยืดหยุ่นด้านเงินสด” มากกว่าการคุมกิจการ 100% หรือไม่?
คำตอบของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
มาถึงจุดตัดสินใจแล้ว ว่าจะใช้แหล่งเงินทุนแบบไหน ลองใช้กรอบคิดนี้ช่วย
ใช้เพื่อ หมุนเวียนระยะสั้น
เช่น ซื้อของเข้าสต๊อก เตรียมวัตถุดิบ จ่ายค่าเช่า/ค่าแรงระหว่างรอลูกค้าจ่าย
ให้มองหากลุ่ม แหล่งเงินทุนระยะสั้น เช่น สินเชื่อหมุนเวียน, OD, แฟคตอริ่ง, เครดิตเทอม
ใช้เพื่อ ลงทุนระยะยาว
เช่น ซื้อเครื่องจักร สร้างโรงงาน ทำแฟรนไชส์ ขยายสาขา
ให้มองหากลุ่ม แหล่งเงินทุนระยะยาว เช่น สินเชื่อระยะยาว + ทุนตัวเอง + หุ้นส่วน
ถ้าคิดแล้วว่า โปรเจกต์นี้คืนทุนภายใน 6–12 เดือน
→ ใช้สินเชื่อ/แหล่งเงินทุนระยะสั้นได้
ถ้าโปรเจกต์ต้องใช้เวลา 3–5 ปีขึ้นไปกว่าจะคืนทุน
→ ควรใช้สินเชื่อระยะยาวให้ “แมตช์” กับอายุการใช้งานของสิ่งที่ลงทุน
แนวคิดนี้จะอธิบายอย่างเป็นระบบในบทความ
เงินทุนหมุนเวียนคืออะไร ต่างจากกำไรอย่างไร และ
เงินทุนระยะสั้น vs ระยะยาว สำหรับธุรกิจ SME
รวม “ค่างวดหนี้ทั้งหมด” ที่มีอยู่ + หนี้ใหม่ที่คิดจะกู้
เทียบกับกำไรและกระแสเงินสดจริงในช่วง 6–12 เดือนที่ผ่านมา
ปรับวงเงินให้ค่างวดรวมอยู่ในระดับที่คุณ “ยังนอนหลับได้”
ถ้าคำนวณแล้วใกล้เต็มที่มาก อาจต้อง
ลดวงเงินกู้
เพิ่มส่วนของทุนตัวเอง/หุ้นส่วน
หรือทบทวนว่าโครงการนี้ควรทำตอนนี้จริงไหม
สุดท้ายคือการผสม
ใช้ ทุนส่วนตัว + กำไรสะสม เป็นฐาน
ใช้ สินเชื่อธุรกิจ ในระดับที่ธุรกิจรับภาระไหว
ใช้ นักลงทุน/หุ้นส่วน เฉพาะกรณีที่ต้องการทั้งเงิน+ความเชี่ยวชาญเพิ่ม
ไม่มีสูตรตายตัว เป้าหมายคือให้ “โครงสร้างเงินทุน” อยู่ในจุดที่ธุรกิจโตได้ และเจ้าของไม่เครียดเกินไป
ลองดู 3 เคสแบบง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพว่า “แหล่งเงินทุน” ผสมกันได้อย่างไร
เช่น ร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ หรือร้านขายอุปกรณ์ในชุมชน
ใช้ทุนส่วนตัว + กำไรสะสม ~40%
ขอสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก/สินเชื่อหมุนเวียน ~40% เพื่อเพิ่มสต๊อก
มีวงเงิน OD เล็ก ๆ ~20% ไว้กันสำรองสภาพคล่อง
ภาพรวม: เน้นหมุนเร็ว ใช้หนี้ระยะสั้นและ OD เป็นหลัก เสริมด้วยทุนตัวเอง
โรงงาน SME ที่ต้องการซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อขยายกำลังผลิต
ใช้ทุนตัวเอง/กำไรสะสมเป็น “เงินดาวน์” 20–30%
ใช้สินเชื่อระยะยาวสำหรับเครื่องจักร 60–70%
เสริมด้วยแฟคตอริ่งหรือวงเงินหมุนเวียนเล็กน้อย สำหรับซื้อวัตถุดิบตามออเดอร์
ภาพรวม: ใช้หนี้ระยะยาวกับสินทรัพย์ยาว (เครื่องจักร) และใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรอบเงินสั้น
ธุรกิจออนไลน์ที่กำลังโต เช่น ขายของบนแพลตฟอร์ม / Social Commerce
ใช้ทุนส่วนตัว + กำไรสะสมเพิ่มสต๊อก
ขอสินเชื่อหมุนเวียนวงเงินไม่สูงมาก เพื่อเติมของในช่วงยอดขายพุ่ง
บางรายดึง “หุ้นส่วนสายการตลาด/ออนไลน์” เข้ามาร่วมลงทุน เพื่อช่วยขยายช่องทาง
ภาพรวม: เน้นยืดหยุ่นสูง ใช้สินเชื่อหมุนเวียนปริมาณพอเหมาะ และอาจเสริมด้วยหุ้นส่วนแทนการกู้เยอะ
สุดท้าย การเลือกว่า แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME แบบไหน “เหมาะ” กับคุณที่สุด ไม่ใช่เริ่มที่คำถามว่า
“อันไหนดอกเบี้ยถูกสุด?”
แต่ควรเริ่มที่คำถามว่า
เงินก้อนนี้จะใช้ทำอะไร และใช้ไปนานแค่ไหน
ธุรกิจของคุณรับภาระค่างวดได้ระดับไหนในสถานการณ์จริง
ต้องการรักษาความเป็นเจ้าของ 100% หรือพร้อมแบ่งกับคนอื่นบางส่วนเพื่อโตเร็วขึ้น
ต้องการเน้น “ความเร็ว” หรือ “ความมั่นคง” เป็นหลักในช่วง 3–5 ปีข้างหน้า
เมื่อคุณตอบ 4 ข้อนี้ได้ชัด การวางแผนระหว่าง
ทุนส่วนตัว
นักลงทุน/หุ้นส่วน
สินเชื่อธุรกิจ (ทั้งระยะสั้น–ระยะยาว)
แฟคตอริ่ง, OD, เครดิตเทอม
จะกลายเป็น “การออกแบบโครงสร้างเงินทุน” ไม่ใช่แค่การ “ไปหาใครก็ได้ที่ปล่อยกู้”
จากที่เล่ามาทั้งบทความจะเห็นว่า การเลือกใช้แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME ไม่ได้มีแค่คำถามว่า “กู้จากที่ไหนดอกเบี้ยถูกสุด” แต่ต้องคิดให้ครบทั้งระยะเวลาคืนทุน ความเสี่ยง กระแสเงินสด และโครงสร้างระหว่างหนี้กับทุน ถ้าออกแบบพลาดแม้แหล่งเงินทุนจะดูดีบนกระดาษ แต่สุดท้ายเจ้าของกิจการอาจต้องมานั่งเครียดกับค่างวดและเงินหมุนในชีวิตจริง
ตรงนี้เองที่ทีมที่ปรึกษาด้านจัดหาเงินทุนของ Siam Prime Capital เข้ามาช่วยเป็น “คู่คิดทางการเงิน” ให้กับเจ้าของกิจการ โดยโฟกัสทั้งมุมมองของธุรกิจ และข้อจำกัดจากฝั่งสถาบันการเงินไปพร้อมกัน
วิเคราะห์ภาพรวมโครงสร้างเงินทุนของธุรกิจแบบรายเคส
ดูยอดขาย กำไร กระแสเงินสด ภาระหนี้เดิมทุนตัวเอง และเป้าหมายใน 3–5 ปี เพื่อให้เห็นชัดว่าตอนนี้ธุรกิจอยู่จุดไหน แข็งแรงแค่ไหน และควรใช้ “หนี้–ทุน–นักลงทุน” สัดส่วนประมาณเท่าไร
ช่วยออกแบบส่วนผสมระหว่างหนี้กับทุนให้เหมาะกับเป้าหมาย
แนะนำว่าเคสของคุณควรใช้ แหล่งเงินทุนระยะสั้น (เช่น สินเชื่อหมุนเวียน, OD, แฟคตอริ่ง) แค่ไหน และควรใช้แหล่งเงินทุนระยะยาว หรือทุนตัวเอง/หุ้นส่วนในสัดส่วนประมาณใด เพื่อลดความเสี่ยงด้านกระแสเงินสด
แนะนำประเภทสินเชื่อและผู้ให้กู้ที่เข้ากับโปรไฟล์ธุรกิจ
ไม่ใช่แค่ “หาที่ปล่อยกู้ให้ผ่าน” แต่ช่วยเปรียบเทียบระหว่างสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก สินเชื่อระยะยาว สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือโปรแกรมพิเศษต่าง ๆ ว่าแบบไหนตอบโจทย์มากที่สุดในสถานการณ์ของคุณ
ถ้าคุณกำลังคิดจะขยายกิจการ วางแผนโครงสร้างเงินทุนรอบใหม่ หรืออยากให้คนกลางช่วยประเมินว่าควรใช้แหล่งเงินทุนแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณที่สุด
➡️ สามารถติดต่อทีมที่ปรึกษา Siam Prime Capital ผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อขอรับคำปรึกษาเบื้องต้นได้ฟรี ก่อนตัดสินใจเลือกทางเดินด้านการเงินครั้งสำคัญของธุรกิจคุณ
เพื่อให้บทความนี้มีฐานข้อมูลรองรับ และผู้อ่านสามารถศึกษาเรื่องแหล่งเงินทุนธุรกิจ SME ในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแหล่งต่อไปนี้
ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) – ข้อมูลภาพรวมสินเชื่อธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และรายงานด้านการเงินของภาคธุรกิจไทย
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) – ข้อมูลสถานการณ์ SME มาตรการสนับสนุน และโครงการที่เกี่ยวข้องกับแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการ
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) – ข้อมูลโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่ช่วยให้ SME ที่มีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) – ผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ทั้งระยะสั้น–ระยะยาว และบริการเสริมความรู้ด้านการบริหารการเงินสำหรับผู้ประกอบการ
คุณสามารถใช้แหล่งข้อมูลเหล่านี้ร่วมกับแนวคิดในบทความ เพื่อออกแบบโครงสร้าง “หนี้–ทุน–แหล่งเงินทุนหมุนเวียน” ให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเองมากที่สุด ก่อนตัดสินใจเลือกใช้แหล่งเงินทุนธุรกิจ SME ในก้าวต่อไปของกิจการครับ